ประเภท: อื่นๆ
รายละเอียด:
เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2568 หลายภาคส่วนมีการวิเคราะห์-สรุปสถานการณ์ในด้าน”การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-สิ่งแวดล้อม-เทคโนโลยี”เพื่อให้เห็นฉากทัศน์ของปี 2568 ที่กำลังผ่านไปและการคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า 2569
สำหรับในส่วนของเรื่อง”แรงงาน”ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสังคม-เศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของประเทศจะขับเคลื่อนได้ ก็ต้องมีการแรงงาน-มีคนเข้ามาทำงานในระบบเศรษฐกิจและการจ้างงาน
โดยในส่วนของ”แรงงานข้ามชาติ”ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะอย่างสถานการณ์การสู้รบไทย กับกัมพูชาตอนนี้ ก็ทำให้แรงงานกัมพูชาต้องเดินทางออกจากประเทศไทยกลับภูมิลำเนาที่กัมพูชาตั่งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ ภาคการผลิตบางส่วน ก็ขาดแคลนแรงงานฯ จนกระทรวงแรงงานมีนโยบายที่จะเปิดให้แรงงานต่างชาติบางประเทศเข้ามาทำงานแทนแรงงานกัมพูชา เป็นต้น
By TaboolaSponsored
ข่าวด่วน! ลอตเตอรี่พลัสซื้อผ่านไลน์ได้แล้ว ใช้ง่ายมาก
ลอตเตอรี่พลัส
ซื้อกับลอตเตอรี่พลัส ได้จริง จ่ายจริง มีคนถูกรางวัลที่ 1 แล้ว 178 คน
ลอตเตอรี่พลัส
สำหรับภาพรวมแรงงานต่างชาติในปีนี้ ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะพบว่าเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่สมาคมผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศ (FCCT) อาคารมณียา เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group :MWG) จัดแถลงข่าวเนื่องในวันแรงงานข้ามชาติสากลปี 2568 (International Migrants Day 2025) ภายใต้หัวข้อ “ปี 2025 จากไซต์งานก่อสร้างถึงสนามรบ : วิกฤติแรงงานข้ามชาติจากชั่วคราวจนเป็นปัญหาชั่วโคตร” โดยเป็นการสรุปภาพรวมสถานการณ์แรงงานข้ามชาติปี 2568 พร้อมประเด็นเด่นการจัดการปัญหาภัยพิบัติ ภัยสงคราม และจับตาสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย
‘เครือข่ายประชากรข้ามชาติ’ ชำแหละวิกฤตแรงงานข้ามชาติปี 68
โดย””น.ส. โรยทราย วงศ์สุบรรณ จากเครือข่ายประชากรข้ามชาติ” ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์แรงงานข้ามชาติในปี 2568 พร้อมประเด็นเด่นเรื่องการจัดการปัญหาภัยพิบัติ ภัยสงคราม และการจับตาสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย โดยระบุว่า ตลอดปี 2568 มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานถึง 3 คน แต่กลับไม่ได้มีนโยบายใด ๆ ที่โดดเด่นออกมาเลย ในการช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ประกอบการไทย นายจ้าง หรือตัวแรงงานข้ามชาติกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กรณีตึกสตง.ถล่ม, กรณีแรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศจนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอ้อย ลำไย ก่อสร้าง, หรือกรณีที่ดีเอสไอจับกุมคอร์รัปชันในการขึ้นทะเบียนเอกสาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมาก และสิ่งที่เห็นได้ชัดในปีนี้คือวิกฤตที่เกิดจากภัยพิบัติและเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ทำให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศหลักแสนคน และล่าสุดคือน้ำท่วมหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่จ้างงานสูงในอุตสาหกรรมยางพารา ก่อสร้าง บริการ หรือโรงงานอาหารทะเล ปัญหาคือแม้แรงงานข้ามชาติจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม แต่ความเป็นจริงคือเอกสารการจ้างงานระหว่างแรงงาน นายจ้างตัวจริง และนายหน้า มักจะไม่ตรงกัน ทำให้แรงงานจำนวนมากเข้าไม่ถึงสวัสดิการประกันสังคมและการเยียวยาตามกฎหมายกำหนด ทั้งกรณีผู้เสียชีวิต หรือพิการจากตึกสตง.ถล่ม หรือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดงานในช่วงน้ำท่วมหาดใหญ่
“รัฐบาลไทยออกแบบระบบประกันสังคมมาอย่างดี แต่ในความเป็นจริงกลับปฏิบัติไม่ได้เลย ตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวมาจนถึงน้ำท่วมหาดใหญ่เป็นเวลานานแล้ว แต่กระทรวงแรงงานไม่มีความพยายามใดๆ ที่จะปรับปรุงให้แรงงานข้ามชาติได้รับการช่วยเหลือเยียวยาดูแล หรือบังคับให้นายจ้างเอาจริงเอาจังในการประกันสังคมแรงงาน” นางสาวโรยทรายระบุ
“นางสาวโรยทราย”กล่าวต่อว่า ข้อมูลสถิติระบุว่า ตัวเลขแรงงานข้ามชาติถูกกฎหมายได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 3,064,000 คนในปีที่แล้ว เป็น 3,651,000 คนในปีนี้ จากการเปิดจดทะเบียนรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ที่เข้าประกันสังคมยังคงอยู่ที่ประมาณ 1,400,000 คนเท่านั้น ช่องว่างของตัวเลขที่หายไปจากระบบ ทำให้คนไทยบางส่วนกังวลว่าแรงงานเหล่านี้อาจเป็นภัยหรือมาแย่งทรัพยากร ทั้งที่ความเป็นจริง สังคมไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติเป็นกลไกขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
...การอพยพกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาทำให้เกิดวิกฤตแรงงานขาดแคลนในภาคเกษตร โดยเฉพาะธุรกิจลำไยและอ้อย ซึ่งมีช่วงเวลาจำกัดในการเก็บเกี่ยว โดยธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า กรณีวิกฤตแรงงานกัมพูชากลับประเทศนี้ ทำให้ธุรกิจลำไยมีความเสียหายสูงถึงประมาณ 2,600 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากระทรวงแรงงานไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ จนสร้างภาระให้กับธุรกิจและเอกชนไทย นอกจากนี้ การที่กระทรวงแรงงานยังคงใช้โมเดล "หนึ่งนายจ้าง ต่อ หนึ่งแรงงาน" ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์ภาคเกษตรได้ โดยเฉพาะการเก็บเกี่ยวอ้อยที่ต้องใช้แรงงานตามฤดูกาล และไม่เคยมีวิสัยทัศน์ที่จะปรับปรุงโมเดลให้เกิดความยืดหยุ่นในการรวมกลุ่มแรงงานเพื่อย้ายการเก็บเกี่ยวจากไร่หนึ่งไปอีกไร่หนึ่งได้ ทั้งที่นี่คือปัญหาที่เป็นห่วงโซ่กระทบภาคธุรกิจไทยมานาน”
By TaboolaSponsored
ทองคำกำลังทะยานขึ้นในปี 2025 — นักเทรดแนวหน้าเริ่มคว้าโอกาสกันแล้ว
IC Markets
..แนวทางแก้ไขคือรัฐต้องเปิดให้การจ้างงานแรงงานข้ามชาติมีความสะดวกในการทำเอกสาร ระบบฐานข้อมูลต้องโปร่งใส เพื่อลดภาระนายจ้างและลดโอกาสการแสวงหาประโยชน์จากระบบนายหน้า ที่สำคัญคือต้องสร้างความยืดหยุ่นในการจ้างงาน โดยทบทวนโมเดล “หนึ่งนายจ้าง หนึ่งแรงงาน” ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน
“การเลือกตั้งครั้งใหม่เดือน ก.พ. 2569 พรรคการเมืองหลายพรรคกำลังใช้ประเด็นแรงงานข้ามชาติเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองอย่างไม่สร้างสรรค์ และขอให้ กกต. เริ่มจับตาดูแล้ว เพราะการนำเสนอที่บิดเบือนข้อมูลจะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันในอนาคต และบั่นทอนเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติให้เกิดความไม่มั่นใจในสังคมไทย”
ตึก สตง.ถล่มยังเยียวยาแรงงานต่างชาติไม่ครบ
ด้าน”วรชัย สนั่นสุข มูลนิธิรักษ์ไทย” กล่าวในประเด็น ชีวิตแรงงานหลังฝุ่นตลบตึกสตง.ถล่ม ว่า สำหรับสถิติตัวเลขแรงงานที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตรวม 95 คน สูญหาย 2 คนสามารถยืนยันตัวบุคคลและส่งร่างให้ญาติแล้ว 93 คน เป็นชาวไทย 64 คน ชาวเมียนมา 25 คน ชาวกัมพูชา 3 คน และชาวลาว 1 คน ขณะที่การเยียวยาผู้เสียหายเท่าที่ได้รับข้อมูล มีจำนวน 11 เคสที่ยังไม่ได้รับค่าทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนจากสำนักงานประกันคมและ ยอดที่ได้รับจริงปัจจุบันอยู่ 83.2 ล้านบาท ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว 82 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ซึ่งเป็นผู้มีสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา
...บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มครั้งนี้ให้บทเรียนสำคัญใหญ่ 2 ประการ คือ 1.การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีปัญหา มีการก่อสร้างสถานที่ของรัฐ ไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรฐานกฎหมายตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ดังนั้นสถานที่ก่อสร้างตึกของรัฐโครงการดังกล่าว จึงถูกปรับเปลี่ยนแก้ไขแบบก่อสร้างระหว่างทางได้ เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดเหตุตึกถล่มเพียงตึกเดียวทั้งประเทศ การจัดซื้อจัดจ้างมองเพียงมิติงบประมาณและแบบก่อสร้าง ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าแรงงานจะได้รับผลกระทบความเสี่ยงอันตรายจากการแก้ไขแบบก่อสร้างหรือไม่ และยังไม่มีผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ 2.การไม่มีนโยบายที่มีเสถียรภาพของกระทรวงแรงงาน การจ้างงานแบบซับคอนเทรคในการก่อสร้างตึก สตง. ทำให้สิทธิของแรงงานข้ามชาติไม่เท่ากัน
อ้างอิง: https://www.thaipost.net/
วันที่ลงข่าว: 2025-12-21 19:46:35